ส่อง นาฬิกา ap นาฬิกาเรือนหรูที่เป็นที่หมายตาของใครหลายคน

ส่อง นาฬิกา ap นาฬิกาเรือนหรูที่เป็นที่หมายตาของใครหลายคน

อยากหานาฬิกาหรูหราสักเรือนมาสวมใส่ในงานสำคัญๆ สักวัน บทความนี้จะชวนทุกคนมารู้จัก นาฬิกา ap กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาทำความรู้จักแบรน์ดนี้กันเลย

หากกล่าวถึงแบรนด์ โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) สิ่งแรกที่นึกถึง คือ นาฬิการุ่นรอยัล โอ๊ค (Royal Oak) โดยถือว่า เป็นไอคอนิกคอลเล็กชั่นของแบรนด์ ซึ่งเป็นที่จดจำของผู้ชื่นชอบนาฬิกาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว

โอเดอมาร์ ปิเกต์ มี นาฬิกาที่โดดเด่นและน่าสนใจอีกหลายคอลเล็กชั่น และหนึ่งในนั้นคือ ผลผลิตที่พัฒนามาจาก รอยัล โอ๊ค อย่างรุ่นรอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ (Royal Oak Offshore) ซึ่งในตอนนี้มีการเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ของปี 2021 ถูกนำมาจัดแสดง ณ AP House Bangkok อีกด้วย

ภายหลังจากการเปิดตัวนาฬิกา รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ในปีค.ศ. 1993 ซึ่งออกแบบโดย เอ็มมานูเอล กีเอต์
(Emmanuel Gueit) และสร้างชื่อเสียงให้กับโอเดอมาร์ ปิเกต์ เลยทีเดียว

เสน่ห์และความโดดเด่นของเรือนนาฬิกาที่มีดีไซน์สวยและสะดุดตา ด้วยขนาดหน้าปัดนาฬิกา 42 มิลลิเมตร ซึ่งใหญ่กว่าขนาดเรือนเวลาที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น ทั้งยังเพิ่มความดุดันจนได้รับฉายาว่า ‘The Beast’ และนี่คือรุ่นใหม่ ขนาด 42 และ 43 มิลลิเมตร พร้อมกับทางเลือกของวัสดุตัวเรือนและสายนาฬิกาหลายดีไซน์เลยทีเดียว

ต่อมาเป็นรุ่นสปอร์ตพร้อมหน้าปัดเมกา ทาพิสเซอรี (Méga Tapisserie) รุ่นหน้าปัดสีฟ้าอ่อนตัวเรือน สแตนเลส
สตีล และหน้าปัดสีเขียวตัวเรือนไทเทเนียม มาพร้อมหน้าปัดลายเมกา ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ ทาพิสเซอรี ที่ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 โดยจะเป็นการขยายขนาดของลายตารางทาพิสเซอรีบนหน้าปัดให้เป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น พร้อมตัวเลขของหลักชั่วโมงที่มีขนาดใหญ่ และทำให้หน้าปัดทาพิสเซอรีที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับสายนาฬิกายางมีที่เท็กซ์เจอร์เหมือนผ้า และยังสามารถถอดเปลี่ยนสายได้เองอีกด้วย

นอกเหนือจากการนำเสนอสีสันใหม่ ๆ แล้ว เรือนเวลารุ่นนี้ยังเพิ่มรายละเอียดโลโก้ที่ถูกปรับใหม่ โดยอักษรย่อ AP ถูกนำมาจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และจะไม่มีโลโก้ชื่อเต็มของแบรนด์ เพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้กับนาฬิกาได้อีกด้วย

นอกจากนี้หน้าปัดย่อยทั้งหมดจะถูกจัดวางให้ห่างจากจุดศูนย์กลางของหน้าปัดเพื่อให้ดีไซน์ภาพรวมของหน้าปัดดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการใช้กระจกขยายในช่องแสดงวันที่ที่ติดตั้งอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นอีกด้วย

วัสดุที่ทำ นาฬิกา ap

มาดู Audemars Piguet Royal Oak Perpetual Calendar Titanium นาฬิกาสปอร์ตหรูน้ำหนักเบาพร้อมฟังก์ชั่นสุดซับซ้อนสุดๆไปเลยค่ะ

ในปี 2022 นี้ทางโอเดอมาร์ ปิเกต์  มีการนำวัสดุ Titanium  มาใช้ผลิตตัวเรือนและสายของ Royal Oak Perpetual Calendar อีกด้วย โดยผลิตมาแบบ Normal Production ที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีน้ำเงิน สลักลวดลาย “Grande Tapisserie” หน้าปัดย่อย 4 วงสีเทา บอกวันที่, วัน, เดือน, Leap year และ Moonphase บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มเข้ากับสีหน้าปัด ขอบหน้าปัดของนาฬิกา ด้านในมีสเกล 52 สัปดาห์ เข็มและมาร์กเกอร์ทั้งหมดเป็นวัสดุ White Gold หยอดพรายน้ำ Super Luminova เลยทีเดียว

ฝาหลังของนาฬิกาเรือนนี้จะเป็นแบบโปร่งใสโชว์การทำงานของกลไก Automatic cal.5134 ความถี่ 19,800 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงาน 40 ชั่วโมง ใช้พื้นฐานจาก cal.2120 กลไกสุดคลาสสิกที่ออกแบบโดย Jaeger LeCoultre
มีความบางพิเศษ ประกบกับ Perpetual Calendar Module ที่สามารถบอกวันเดือนปีได้แม่นยำถึงปี 2100 โรเตอร์ผลิตจากทองคำ 18K ฉลุโลโก้ AP อีกด้วย

นอกจากนี้ ตัวเรือน Titanium ขนาด 41 มิลลิเมตร หนา 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมสาย Titanium แบบ Integrated ขอบหน้าปัดแบบ 8 เหลี่ยม ผนึกแน่นกับตัวเรือนและฝาหลังด้วยสกรู 8 ตัว กันน้ำลึก 20 เมตร ใช้กระจกหน้าปัด Sapphire เคลือบตัดแสงสะท้อนเลยทีเดียว

ประวัติความเป็นมาแบรนด์ AP ?

                หากจะกล่าวถึง นาฬิกาหรูราคาแพง คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์นี้เป็นแน่อย่าง โอเดอมาร์ ปิเกต์  บทความนี้จะชวนทุกคนมาทำความรู้จักแบรนด์นี้กันมากขึ้น มาดูกันเลยค่ะ

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Audemars Piguet ประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Audemars Piguet ได้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1875 เมื่อ Jules Louis Audemars (จูลส์-หลุยส์ โอเดอะมาร์ส) และ Edward August Piguet (เอ็ดวาร์ด -ออกัสต์ ปิเกต์) ชายหนุ่มช่างนาฬิกามากฝีมือทั้งสองคน ที่มีความตั้งใจอันแรงกล้าอยากจะสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีความซับซ้อนคุณภาพสูง ทั้งคู่ได้ตัดสินใจร่วมกันก่อตั้งโรงงานขึ้นในหมู่บ้าน Le Brassus ณ เมือง Vallée de Joux ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจัดตั้งบริษัทขึ้นในปี ค.ศ. 1881 ภายใต้ชื่อ Audemars Piguet & Cie เลยทีเดียว

 ต่อมา Jules Audemars ได้สามารถออกแบบและผลิตกลไกฟังก์ชันชั้นสูงสำหรับ Pocket Watch หรือ นาฬิกาพก จนทำให้หลากหลายแบรนด์นาฬิกาต่างต้องการให้ Audemars Piguet ช่วยผลิตกลไกให้ ในขณะที่ Edward Piguet ก็ช่วยแบรนด์เปิดสำนักงานที่ Geneva ในปี 1885 และได้เริ่มขยายแบรนด์ออกสู่ตลาดในต่างประเทศ โดยการเปิดสาขาที่ London ในปี 1888 และก้าวไปสู่การเปิดสาขาที่ New York, Buenos Aires, Berlin และ Paris ในปีต่อมา

ในปี 1899 Audemars Piguet ก็เริ่มก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลกอย่างเต็มตัว โดยทางแบรนด์สามารถผลิตกลไกที่มีฟังก์ชัน Minute Repeater หรือที่รู้จักกันในชื่อ ระบบกลไกตีบอกเวลาด้วยเสียง ที่ใช้กับนาฬิกาข้อมือได้เป็นครั้งแรกของโลก และในปีเดียวกัน ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาพก Grand Complication ที่ประกอบไปด้วยฟังก์ชันอันสลับซับซ้อน

ถึงแม้ Jules Audemars และ Edward Piguet จะจากไปในปี 1918 และ 1919 แต่ลูกชายของเขาทั้ง 2 คนนั่นก็คือ Paul Louis Audemars และ Paul Edward Piguet ทั้งคู่ต่างเป็นช่างนาฬิกามากฝีมือ ก็ยังต้องการที่จะสานต่อปณิธานและด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ในการสร้างนาฬิกาที่มีความซับซ้อนคุณภาพสูง พวกเขาจึงท้าทายความสามารถของตัวเอง จนกระทั่งในที่สุดในปี 1921 แบรนด์ AP ก็สามารถประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาแบบ “ที่สุดของโลก” ได้ถึง 3 เรือนด้วยกัน

เริ่มจากนาฬิกาข้อมือแบบ Jumping-Hour เรือนแรกของโลก ถัดมาทางแบรนด์ประสบความสำเร็จในการผลิตกลไกนาฬิกาพกที่บางที่สุด ณ ขณะนั้น ซึ่งก็คือ Caliber 17SVF#5 ที่มีความบางเพียง 1.32 มิลลิเมตร และสุดท้าย Audermars Piguet ได้เปิดตัวกลไก Minute Repeater ที่เล็กที่สุดในโลกด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 15.8 มิลลิเมตรเลยทีเดียว

ทว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วงยุค 30s ก็ส่งผลต่อทางแบรนด์ AP เป็นอย่างมากจนถึงขั้นที่บริษัทเกือบจะต้องปิดตัวลงไป แต่พวกเขายังคงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนานาฬิกาต่อไป จนกระทั่งในปี 1934 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือแบบ Skeleton เรือนแรกของแบรนด์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเรือนแรกของโลกด้วย โดยนาฬิกาแบบ Skeleton นี้
จะมีหน้าปัดและฝาหลังแบบโปร่ง ที่ทำให้สามารถมองเห็นกลไกที่อยู่ข้างในของนาฬิกาได้ ซึ่งกระบวนการในการผลิตจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความประณีตในการรังสรรค์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ได้รับการขัดแต่งหรือแกะสลักขึ้นมา
เพื่อให้รูปแบบของนาฬิกาออกมาสวยงามและสมบูรณ์แบบที่สุด

หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่เริ่มคลี่คลาย และสถานการณ์ของแบรนด์เริ่มดีขึ้น ทาง AP ก็เดินหน้าต่อไปพร้อมกับเปิดตัว Calibre 9ML ในปี 1938 ซึ่งเป็นกลไกนาฬิกาข้อมือที่บางที่สุดในโลกในเวลานั้น โดยมีความหนาทั้งหมดเพียง 1.64 มิลลิเมตร และกลไกนี้เองยังเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานร่วมกันของ AP กับแบรนด์นาฬิกาอย่าง Jaeger-LeCoultre และ Vacheron Constantin ในยุคนั้นอีกด้วย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ นาฬิกา ap นี้ น่าสนใจมากๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ หากใครพร้อมแล้ว เราไปเลือกจับจองกันสักเรือนเลยค่ะ ไปกันเลย